The Great Train Robbery - การปล้นรถไฟสุดอลังการ และบทบาทของศัตรูตัวร้าย!

blog 2024-12-02 0Browse 0
The Great Train Robbery - การปล้นรถไฟสุดอลังการ และบทบาทของศัตรูตัวร้าย!

ในโลกภาพยนตร์ยุคบุกเบิกซึ่งยังคงเป็นเงาและความฝันสำหรับผู้ชมในยุคนั้น “The Great Train Robbery” (1903) ผลงานของวิลเลียมส unwites และโทมัส อาร์. อิดิซอน เป็นมากกว่าภาพยนตร์สั้นๆ 12 นาที มันเป็นการปฏิวัติที่แท้จริงในการเล่าเรื่องด้วยภาพยนตร์

สำหรับผู้ชมสมัยใหม่ การดู “The Great Train Robbery” อาจเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าสนใจ คุณจะได้เห็นเทคนิคการถ่ายภาพแบบใหม่ๆ ที่สร้างความรู้สึกตื่นเต้น และทำให้ภาพยนตร์ดูสมจริงยิ่งขึ้น การตัดต่อระหว่างฉากต่างๆ ค่อนข้างรวดเร็วสำหรับยุคนั้น ซึ่งช่วยให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวได้อย่างลุ้นระทึก

ตัวเรื่องราวของ “The Great Train Robbery” นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา:

  1. การวางแผน:

    • กลุ่มโจรที่นำโดยหัวหน้าแก๊ง “Davidson” (แสดงโดย George Barnes) วางแผนปล้นรถไฟ
  2. การปล้น:

    • กลุ่มโจรร่วมมือกันโจมตีรถไฟอย่างรุนแรงและฉิวเฉียด การต่อสู้ระหว่างโจรกับผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่บนรถไฟทำให้ผู้ชมได้เห็นภาพความรุนแรงในรูปแบบของภาพยนตร์เงียบ
  3. การหลบหนี:

    • โจรทั้งหมดขึ้นขี่ม้าหลังจากปล้นรถไฟสำเร็จ และวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
  4. จุดจบอันน่าเศร้า:

    • Davidson ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการวิ่งหนี

ในแง่ของเทคนิคการถ่ายภาพ “The Great Train Robbery” นั้นนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับโลกภาพยนตร์ :

  • การถ่ายทำแบบ “on location” (นอกสตูดิโอ) ซึ่งทำให้ภาพยนตร์ดูสมจริงมากขึ้น
  • การใช้เทคนิค “cross-cutting” (การตัดต่อระหว่างฉากที่เกิดขึ้นพร้อมกัน) เพื่อสร้างความตื่นเต้น และความลุ้นระทึก
  • การนำเสนอฉาก “action” ที่รุนแรงและไม่ธรรมดาสำหรับยุคนั้น

รายละเอียดเพิ่มเติม:

รายละเอียด คำอธิบาย
ผู้กำกับ: วิลเลียมส unwites
ผู้เขียนบท: โทมัส อาร์. อิดิซอน
นักแสดงนำ: George Barnes (Davidson) และ Frank Norritt (Bandit)

ความสำคัญของ “The Great Train Robbery”

“The Great Train Robbery” ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์สั้นๆ ที่ entertaining เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การถ่ายภาพยนตร์ มันทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับและนักทำหนังรุ่นต่อมา

  • การนำเสนอ “action”

  • การใช้ “cross-cutting”

  • การถ่ายทำ “on location”

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ในภาพยนตร์ทุกวันนี้

แม้ว่า “The Great Train Robbery” จะเป็นภาพยนตร์เงียบ และมีความยาวแค่ 12 นาที แต่ก็ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาหลายชั่วอายุคน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

TAGS